top of page

10 สิ่งที่ไม่มีใครบอกคุณ เกี่ยวกับการเดินทางเส้น เอเวอร์เรสเบสแคมป์

อัปเดตเมื่อ 8 พ.ย. 2565



หลายคน อาจใช้เวลามากกว่า หนึ่งปีในการเตรียมตัว สำหรับการเดินทางสู่เอเวอร์เรสเบสแคมป์ (Everest Base Camp) ในประเทศเนปาล บางคนฝึกฝน ออกกำลังกายให้พร้อม ค้นคว้าหาข้อมูล เกี่ยวกับขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม อาหาร สภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศ หลายคนคิดว่ามันน่าจะเป็นข้อมูลที่เพียงพอ สำหรับการออกผจญภัยสู่ เอเวอร์เรสเบสแคมป์

แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่จะทำให้คุณประหลาดใจ ซึ่งมันเป็นเพียงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของข้อมูล ที่ฉันอยากจะแบ่งปันสิ่งที่ฉันได้เจอระหว่างการเดินทางผจญภัยตลอด 12 วัน

1. การสบถคำหยาบ กับตัวเองหรือแม้แต่กับเพื่อนร่วมทาง

เ_ี้ย,พ่_งงง,_่าจิก อีดอก หรืออีกสารพัด นี่เป็นคำพูดที่พลั้งปากออกมาเมื่อเดินเหยียบบนเส้นทางนี้ ฉันสาปแช่งทุกชั่วโมงทุกครั้งที่ฉันเดินบนทางโค้ง และเห็นทางลาดชันที่สูงชันรอฉันอยู่ สถบทุกครั้งที่เดินขึ้นทางที่สูงชันมากๆ หรือเดินลงทางลาดชันมากๆ ที่ต้องร้องขอให้ฉันเดินขึ้นเถอะ เป็นแบบนี้ไปจนถึง วันที่ เก้าของการเดินทาง ฉันคิดว่าไกด์และลูกหาบคงรู้ในสิ่งที่ฉันสบถ ออกไปนั้นเป็นคำหยาบ เพียงแต่ไม่รู้ความหมายของมันเท่านั้น จนกลายเป็นสิ่งที่เคยชินตลอดการเดินทาง แต่ฉันก็พยายามที่จะสถบให้น้อยลง



2. ระดับความสูงที่โหดร้าย

เอเวอร์รเรสเบสแคมป์ (Everest Base Camp)มีความสูงถึง 5,364 เมตร จากระดับน้ำทะเล ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคแพ้ความสูงของนักเดินทางหลายๆท่าน แม้คุณจะมีวันพิเศษเพื่อปรับสภาพร่างกาย แต่คุณใช้เวลาประมาณครึ่งหนึ่งของการเดินทางของคุณ ที่ระดับความสูงมากกว่า 3,500 เมตร เป็นเป็นเวลาถึง 6 วัน ความเสี่ยงต่อการขาดออกซิเจนจึงมีได้มาก

Dingboche, Everst base camp, Nepal
Dingboche, Nepal

3. ไม่มีห้องน้ำจริงๆ

ในเส้นทางเดินป่าส่วนใหญ่หลายเส้น อย่าง อันนาปุระณะเบสแคมป์ พูลฮิล หรือมารดิหิมาล ยังมีพุ่มไม้หรือก้อนหิน ให้หลบอยู่ด้านหลังได้บ้าง แต่เส้นทางสู่เอเวอร์เรสเบสแคมป์ เป็นเส้นทางที่หาห้องน้ำระหว่างทางได้ยากมาก (หมายถึงห้องน้ำธรรมชาติ) เส้นทางส่วนใหญ่ถูกตัดเข้าไปในด้านข้างของภูเขาที่มีความลาดชันด้านหนึ่งและมีความสูงชันอีกด้านหนึ่ง นั่นทำให้การเข้าห้องน้ำธรรมชาติเป็นไปอย่างยากเย็น!


มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันพยายามเข้าห้องน้ำ หลังก้อนหินก้อนโตที่ด้านข้างของเส้นทางที่เดิน ตอนนั้นฉันคิดว่ามันมีความเป็นส่วนตัวและมิดชิดพอแล้ว แต่ปรากฎว่าก้อนหินตั้งอยู่ที่จุดเริ่มต้นของทางแยกของเส้นทาง ทันทีที่กางเกงของฉันลดลง นักเดินทางกลุ่มใหญ่ ที่เดินมาอีกทางหนึ่งได้มองเห็นฉันเข้าพอดี ฉันคิดในใจว่า ช่างมันเถอะคงไม่มีใครจำฉันได้ จนกระทั่งฉันได้เจอนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อีกครั้ง ตอนพักทานอาหารกลางวัน เท่านั้นไม่พอ เรายังพักโรงแรมตรงข้ามกันในคืนนั้น!!



4. การเล่าสู่กันฟังเป็นสิ่งที่ดี

การเดินทางในแต่ละวันสู่เอเวอร์เรสเบสแคมป์ เป็นความยากลำบากยิ่งของใครหลายๆคน การเล่าเรื่องราวในสิ่งที่เป็นไปของตัวเราให้เพื่อนร่วมทาง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ไกด์หรือลูกหาบ ถือเป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง ฉันเข้าใจดีว่า คุณเหนื่อยและอ่อนล้ามาก จนไม่อยากแม้แต่จะอ้าปากพูด หรือแม้แต่ทานอาหาร ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายหรือเจ็บป่วย ไม่ใช่ว่าไกด์ไม่มีความรู้เพียงพอ แต่คาดหวังให้คุณพูดไม่ว่าจะเป็นจากการเจ็บป่วยจากความสูงหรือปวดกล้ามเนื้อ เพราะการรักษาอาการเบื้องต้นจะสามารถทำได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น เช่น หลังจากการวิเคราะห์อาการแล้ว คุณเป็นโรคแพ้ความสูง ซึ่งต้องเคลื่อนย้ายลงสู่ที่ต่ำ อาจต้องมีการเคลื่อนย้ายโดยใช้ม้า หรือได้รับการรักษาด่วนโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ไปยังโรงพยาบาล เป็นต้น



5. คุณจะใช้จ่ายมากกว่าที่คุณคิด

คิดว่าคุณจะต้องใช้เงินเท่าไหร่สำหรับการเดินทางสู่ เอเวอร์เรสเบสแคมป์ หลังจากตกลงจ่ายค่าทริปให้กับบริษัททัวร์แล้ว หัวหน้ากลุ่มของเราบอกให้เรานำเงินอย่างน้อย $100 สำหรับใช้จ่ายในช่วงที่เดินทาง ฉันคิดในใจ ฉันจะจ่าย $100 ได้ยังไง! ในเมื่อฉันกำลังเดินทางเข้าป่า ที่ห่างไกลความเจริญ และมีความสูงหลายพันเมตร


มันไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด คุณสามารถใช้เงินเป็นจำนวนมากทั้งแต่หมู่บ้าน ลูกลา (Lukla)ตั้งแต่คุณบินไปถึง ดูเป็นหมู่บ้านที่เจริญและมีของแปลกตาให้น่าซื้อมากมาย ซ้ำร้ายที่หมู่บ้าน นัมเช (Namche Bazaar) เป็นเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยร้านค้า คาเฟ่ ร้านแกแฟ ที่ดูหรูหราน่าเข้าไปนั่งจิบกาแฟชิวๆ กับวิวหิมาลัยเงินล้าน ร้านเบเกอร์รี่ หรือแม้แต่ผับไอริช (เปิดบ่ายสองโมง ถึงหนึ่งทุ่ม)และพวกเขาก็มี Walmart!! แบบปลอมแท้ๆให้เราได้ช้อปปิ้งอีกด้วย


และยิ่งคุณเดินไปยังหมู่บ้านที่สูงขึ้นเท่าไร ของก็ยิ่งราคาแพงขึ้น น้ำร้อน 1 แก้ว ราคาประมาณ $1.20 ที่หมู่บ้าน ดิงโบเช (Dingboche) กระดาษชำระม้วนละ $2-3 แต่ถึงแม้จะมีราคาสูงมากฉันก็ไม่ได้ต่อรอง ทุกสิ่งบนภูเขานั้นถูกขนส่งมา บนหลังของลา จามรี ลูกหาบ หรือเฮลิคอปเตอร์ เนื่องจากไม่มีถนน ไม่มีรถ คุณจะพบตั้งแต่ พริงเกิลกระป๋อง ขวดเบียร์ ขวดน้ำดื่ม ขวดน้ำอัดลม กระดาษชำระ หรือแม้แต่ประตูไม้ ขนมาระหว่างทางที่เดิน ดังนั้นก่อนที่จะต่อรองราคา แม้แต่ช็อตโกเลตซักแท่ง ให้คุณฉุดคิดซักนิดว่ามันยากลำบากแค่ไหนกว่าจะนำมันขึ้นมาบนเขา


มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ฉันเดินจากเส้น จีรี่-ลูกลา (Jiri-Lukla)เราใช้เวลาเดินกันมาเรื่อยๆ 8 วัน จึงถึงเมืองลูกลา ตลอดทั้งเส้นทางชาวบ้านไม่ทานเนื้อสัตว์ หรือแม้แต่ไข่ เมื่อถึงเมืองลูกลา เราสั่งไก่ต้ม 1 ตัว ปรากฏว่าไก่มีไม่พอ เนื่องจากอากาศไม่ดีเครื่องบินไม่สามารถบินได้มาสองวันแล้ว ถ้าพรุ่งนี้เครื่องบินยังบินไม่ได้ ก็จะไม่มีเมนูไก่ให้เราทาน เห็นได้ว่าความยากลำบากในการนำสินค้ามาบนเขามีความยากลำบากแค่ไหน



6. คุณต้องมีค่าใช้จ่ายในการชาร์จแบตเตอรี่

หากคุณวางแผนที่จะนำแบตเตอรีพกพาเพื่อชาร์จไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ของคุณให้ทำตามคำแนะนำนี้ คุณควรชาร์จแบตเตอรีของคุณให้เต็มที่ ที่หมู่บ้าน ลูกลา (Lukla) หมู่บ้าน นัมเช (Namche Bazaar) แบตเตอร์รีบางชนิดใช้ไฟฟ้ามากเกินไปและอาจใช้เวลานานถึง 8 ชั่วโมงในการชาร์จจนเต็ม ที่หมู่บ้าน ดิงโบเช(Dingboche) ฉันชาร์จโทรศัพท์ของฉันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงในราคา 350 รูปี (ประมาณ $3.50) ตลอดเส้นทางการเดิน สิ่งนี้ทำให้ฉันมีค่าใช้จ่ายประมาณ 70% แต่ความเย็นจัดของการกาศ ทำให้แบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็วได้ถึง 30% ในครึ่งชั่วโมง แนะนำให้คุณเก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของคุณไว้ในถุงนอนตอนกลางคืนเพื่อให้อบอุ่นและช่วยการลดลงของแบตเตอรี่!


7. เดินตามหลังจามรี

มีสัตว์สองชนิดที่คุณจะต้องพบเจอบนเส้นทางคือ จามรีและลา ส่วนม้านั้นจะเจอบ้างเป็นครั้งคราว ในบรรดาสัตว์สองชนิดที่คุณควรกังวลคือลา ลาเป็นสัตว์ที่ใจร้อน และกระวนกระวาย ที่มักจะต้องเดินเป็นตัวแรกในแถว พวกมันจะใช้เส้นทางทั้งหมดและจะผลักคุณออกไปโดยไม่แยแส เพราะฉนั้นถ้าเจอฝูงลา ให้ระมัดระวังตัวคุณให้ดี ให้หลบลาทางฝั่งที่แนบชิดกับภูเขา ไม่ยืนอยู่ฝังที่เป็นเหว


ส่วนจามรี เป็นสัตว์ที่เดินช้าและขี้เกียจ คุณสามารถได้ยินเสียงระฆังที่ห้อยคอจามรี เดินตามมาด้านหลังไม่ไกล มันจะค่อยๆเดินช้าๆ อาดๆ เหมือนจ้องจะหาเรื่องยังไงไม่รู้ ผ่านคุณไป จามรียังชอบที่จะใช้วิธีที่ง่ายที่สุดในการเดินขึ้นเขา พวกมันจะค่อยๆเดินตามกันเรียงเป็นแถวเดียว หลีกเลี่ยงหินที่หลวมและหินที่ลื่น ทางที่ชันมาก เลือกเดินทางที่เดินง่าย นี่เป็นความคิดของฉันเอง ถ้าจามรีเดินได้ ฉันก็เดินได้และดูจะเป็นทางที่ดีเสียด้วย



8. ที่อุดหูเป็นสิ่งจำเป็น

ผู้ที่เดินบนเส้นเอเวอร์เรสเบสแคมป์ มีประสบการณ์พักในห้องพักรวม หรือแม้แต่บางครั้งต้องนอนร่วมกับคนแปลกหน้า เนื่องจากห้องพักบนเขามีจำนวนจำกัด เราจึงต้องแบ่งปันห้องพัก ฉันขอแนะนำให้คุณนำที่อุดหูมาด้วย


ที่พักบนเขา เป็นห้องพักขนาดเล็กที่มีสองเตียง ดังนั้นในขณะที่คุณแต่งตัว คุณจะได้ยินเพื่อนข้างห้องของคุณ พูดคุย หัวเราะ นินทา ผนังห้องเป็นไม้อัดบาง ๆ ดังนั้นคุณจะได้ยินเสียงกรน เสียงจาม เสียงพูด เสียงขยับตัวบนเตียง เสียงแปรงฟัน หรือเสียงอื่นๆ มีหลายครั้งที่ฉันตื่นขึ้นมาบนเตียงและได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่คนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของกำแพงกำลังทำอยู่บนเตียงของพวกเขา รู้สึกเหมือนเราอยู่ในห้องเดียวกัน! ดังนั้นหากการนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณ คุณควรลงทุนที่จะซื้อที่อุดหูและนำมันมาด้วย


9. ประกันการเดินทางของคุณ ไม่ครอบคลุมระดับความสูงที่คุณอยู่

การนำผู้ป่วยฉุกเฉินลงจากภูเขา มีสองวิธี คือโดยม้าหรือเฮลิคอปเตอร์ โดยเฮลิคอปเตอร์นั้นมีราคาแพงและอาจมีค่าใช้จ่ายหลายพันดอลลาร์ ขึ้นอยู่กับว่าคุณแชร์กับบุคคลอื่นหรือไม่และต้องใช้เวลานานเท่าใด ม้ามีราคาไม่แพงมาก แต่ก็ยังสามารถมีค่าใช้จ่ายมากกว่า $100 (เงินสดเท่านั้น) สำหรับการขี่ระยะสั้น และทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวและอึดอัด รวมทั้งไม่สามารถออกหลักฐานการจ่ายเงินเป็นเอกสารได้


หากคุณพบว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บ หรือต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บ จากโรคแพ้ความสูง คุณจะต้องลงจากความสูงที่คุณอยู่ลงมาข้างล่าง อย่างไรก็ตามเพื่อที่จะได้รับเงินชดเชยจากการประกันการเดินทางของคุณ "คุณจำเป็นต้องมีรายงานผลทางการแพทย์" และประกันภัยบางประเทศ อย่างในประเทศไทย ต้องมีการรายงานไปยังบริษัทประกันภัยที่เมืองไทย ผู้ป่วยพูดคุยอาการกับหมอ หลังจากหมอวิเคราะห์อาการและอนุมัติการเรียกเฮลิเคอปเตอร์แล้ว นั่นหมายถึงคุณได้เข้าสู่กระบวนการประกันภัยแล้ว คุณจะถูกส่งตัวไปเมืองกาฐมาณฑุ ซึ่งคุณจะได้รับการประเมินโดยแพทย์และรับการรักษาพยาบาล


ดังนั้นในการซื้อประกันการเดินทางของคุณ ควรตรวจสอบการครอบคลุมการประกันของคุณด้วย ว่ารับประกันในความสูงที่คุณอยู่หรือไม่ ซึ่งการเดินเส้นเอเวอร์เรสเบสแคมป์ จะต้องซื้อประกันที่ครอบคลุมความสูงที่ 6,000 เมตร ลงมา และควรทำตามขั้นตอน ข้อกำหนดต่างๆ ของบริษัทประกันภัย เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับการคุ้มครองอย่างแน่นอน


ในวันสุดท้ายของช่วงระยะการเดินทางของฉัน ฉันพบเพื่อนต่างชาติที่เดินด้วยกันมาตลอดทาง กำลังทุกข์ทรมานจากแผลพุพอง ทำให้เขาเดินได้ช้ามาก เขาคิดว่าเขาจะไปไม่ถึงหมู่บ้านลูกลาก่อนมืด จึงตัดสินใจที่จะใช้เฮลิคอปเตอร์ มันเป็นเที่ยวบินระยะสั้นๆ ประมาณ 15 นาที ที่ย่นระยะทางในการเดินลงเขาประมาณ 6 ชั่วโมง แต่ก็ทำให้เขาต้องเสียเงิน $500 หลังจากนั้นฉันได้ทราบว่า เขาได้เข้าตรวจเช็คที่โรงพยาบาล ที่หมู่บ้านลูกลา และได้รับเอกสารรายงานทางการแพทย์ ที่ไม่สามารถเรียกเงินประกันจากบริษัทประกันภัยได้ เนื่องจากบริษัทประกันภัย ไม่ครอบคลุมที่ความสูงเกินกว่า 2,000 เมตร


10. การได้บินไปและกลับ จากเมืองลูกลา โดยไม่ถูกยกเลิก ถือเป็นความโชคดีอันใหญ่หลวง

การเดินทางให้เป็นไปตามแผนในประเทศเนปาล จะเป็นไปได้ยากมากโดยเฉพาะเส้นทางสู่เอเวอร์เรสเบสแคมป์ นอกจากเงิน สภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้วยังไม่พอสำหรับเส้นทางนี้ ความโชคดีของการได้บินไป-กลับ สนามบินลูกลา โดยไม่ถูกยกเลิก ถือเป็นมหากาพย์แห่งความโชคดีอันใหญ่หลวง


เครื่องบินที่บินเข้าและออกจาก เมืองลูกลา(Lukla)เป็นเครื่องบินขนาดเล็ก 16 ที่นั่ง เนื่องจากต้องบินขึ้น - ลง รันเวย์ที่สั้นและอันตรายมาก ตั๋วเครื่องบินไม่มีการกำหนดที่นั่งของผู้โดยสาร ใครขึ้นก่อนก็เลือกที่นั่งได้ก่อน (ให้เลือกที่นั่งทางซ้ายแล้วคุณจะไม่ผิดหวัง) น้ำหนักกระเป๋าของคุณที่สามารถโหลดได้จะไม่เกิน 10 กิโลกรัม และสามารถหิ้วขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 5 กิโลกรัม คุณจะได้รับก้อนสำลีสำหรับอุดหูและลูกอมเพื่อกินแล้วไม่ให้หูอื้อ สนามบินมีรันเวย์เดียว ที่ร่อนลงนั้นสั้นมาก เหมือนคุณกำลังกระโดดลงมาจากหน้าผา แต่เมื่อคุณบินมาถึงแล้วมันเป็นเที่ยวบินชมวิว 40 นาที ที่คุ้มมาก คุณจะได้เห็นวิวที่มียอดเขาหิมะสีขาว ทะลุผ่านเมฆ และความตื่นเต้นที่คุณต้องกลั้นหายใจ จดจำไม่รู้ลืม


โปรแกรมการเดินทางและราคาของเส้นทาง








ดู 5,200 ครั้ง0 ความคิดเห็น

留言


bottom of page