top of page
รูปภาพนักเขียนThai Nepal Travels & Trek

Lukla Airport the World’s Most Dangerous Airport

อัปเดตเมื่อ 20 พ.ค. 2566




การผจญภัยด่านแรกก่อนเริ่มต้นเดินทางสู่เอเวอร์เรสเบสแคมป์

สำหรับใครหลาย ๆ ท่าน ที่ชอบการผจญภัย การเดินทางสู่เอเวอร์เรสเบสแคมป์ จะทำให้ท่านไม่ผิดหวัง นอกจากความยากลำบาก เหนื่อยล้า ที่ท่านจะได้รับแล้ว การเดินทางสู่สนามบินลูกลา (Lukla) จะทำให้ท่าน ตื่นเต้นตกใจตั้งแต่เริ่มทริป การคาดการณ์ไม่ได้ของสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความเสียใจและร้อนใจจากการยกเลิกเที่ยวบิน หรือเครื่องบินดีเลย์ ความดีใจจากการได้บิน และถือเป็นความโชคดีอย่างมหากาพย์ อันใหญ่หลวง ถ้าได้บินตรงเวลา


on the way to Lukla

การเดินทางสู่ลูกลา ไม่ได้มีแค่หนทางเดียว เรายังมีอีกหลายวิธีที่สามารถเดินทางสู่เมืองลูกลาได้ แต่การบินจากสนามบินกาฐมาณฑุไปยังสนามบินลูกลา ถือเป็นหนทางที่สั้นที่สุด สนามบินลูกลา เป็นสนามบินที่ติด 1 ใน 10 สนามบินที่อันตรายที่สุดในโลก การบินขึ้นและบินลงสู่สนามบิน ได้ขึ้นชื่อของความหวาดเสียว เนื่องจากมีรันเวย์ที่สั้น นักบินต้องมีความชำนาญในการกะระยะการร่อนลงให้พอดีเพื่อไม่ไปชนกับขอบสนามบิน รวมทั้งการบินขึ้น ที่ต้องดึงเครื่องบินขึ้นก่อนที่จะตกลงไปในเหว

นอกจากต้องเผชิญกับการบินขึ้นลงที่หวาดเสียวแล้ว การจองตั๋วเครื่องบินให้ได้เวลาที่เช้าที่สุด เพื่อประกันการเลื่อน และการยกเลิกเที่ยวบิน เป็นสัญลักษณ์ที่นักเดินทางทุกคน อาจต้องเจอสำหรับเส้นทางนี้


หลาย ๆ ท่าน อาจเกิดคำถามขึ้นมาในใจ กับเที่ยวบินลูกลา ดังต่อไปนี้

  • เครื่องบินของเที่ยวบินลูกลาเป็นอย่างไร

  • สนามบินลูกลา รวมทั้งเมืองลูกลาหน้าตาเป็นอย่างไร

  • การจองตั๋วเครืองบิน จองอย่างไร

  • ตัวเลือกตัวอื่น ๆ ในการเดินทางสู่เมืองลูกลา

  • เราสามารถมองเห็นหิมาลัย รวมทั้งยอดเขาเอเวอร์เรส ได้จากเครื่องบินหรือไม่


สนามบิน ลูกลา (Lukla Airport)

จากบทความนี้ท่านจะได้รับความกระจ่าง ต่อการเดินทางสู่เมืองลูกลา รวมทั้งการเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้ท่านผู้อ่าน ได้ทำใจและเตรียมตัวรับกับสถานการณ์ได้


ตัวเลือกต่าง ๆ ในการเดินทางสู่เมืองลูกลา


1. นั่งรถบัสไปยังเมืองจีรี่ (Jiri/1,905m, 9 ชั่วโมง) และเดิน 6-7 วัน ไปยังเมืองลูกลา ด้วยความงก ของผู้เขียน คิดว่าการซื้อตั๋วเครื่องบินไปเมืองลูกลาแพงเกินไป เลยใช้วิธีนี้ แต่หลังจากคำนวณ ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ที่พัก อาหาร รวมทั้งเวลาแล้ว ถือว่าราคาตั๋วเครื่องบินไปลูกลาราคาไม่แพง แต่สำหรับท่านที่มีเวลาเราขอแนะนำเส้นทางนี้ เป็นอีกเส้นทางที่มีความสวยงาม รวมทั้งวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของชาวท้องถิ่น ที่น่าสนใจระหว่างการเดินทางอีกด้วย ถ้าผู้เขียนมีโอกาสจะเล่าเรื่องราว เส้นทางจีรี่ สู่เมืองลูกลาให้ฟังนะคะ



2. นั่งรถบัสหรือรถจิ๊บไปเมือง ภาบลู (Phaplu/2,413m, 13 ชั่วโมง) และเดินไปยังเมืองลูกลาใช้เวลา 2-3 วัน

3. บินไปเมืองภาบลู (Phaplu/2,413m, 30 นาที) และเดินไปยังเมืองลูกลาใช้เวลา 2-3 วัน

4. รถบัสไปเมือง สิวาลายา (Shivalaya) และเดิน 5-6 วัน

5. เฮลิคอปเตอร์ไปยัง ซายางโบเช (Sayangboche/3,700m, 40 นาที) สนามบินตั้งอยู่เหนือหมู่บ้าน นัมเชบาซ่า (Namche Bazar/3,500m) ส่วนใหญ่จะใช้กับนักเดินทางที่มาปีนเขา

6. บินตรงจากกาฐมาณฑุ ไปเมืองลูกลา (2,860m/45 นาที) เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเร็วที่สุด


ประสบการณ์การบิน สู่สนามบินเมืองลูกลา ของเรา

เนื่องจากเราได้ตั๋วเช้าสุด เวลา 6.00 นาฬิกา จากการคอนเฟิร์มทริป ล่วงหน้า 3 เดือน และออกตั๋วเที่ยวบินลูกลาในทันที เราออกเดินทางสู่สนามบินภายในประเทศ เวลา ตี 4.30 นาฬิกา เราเดินทางในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก สนามบินจึงแออัดไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาเช็คอินเช่นกันเหมือนเรา เราบินโดย สิตาแอร์ (Sita air) หรืออีกความหมายคือ ชื่อของนางสีดา ที่เป็นภรรยาของพระราม ในสงครามรามเกียรติ์ นั่นเอง ซึ่งคนเนปาลถือว่านางสิตา เป็นพระเจ้าองค์หนึ่งในศาสนาฮินดู ช่างดูน่าเกรงขามปลอดภัยได้บินภายใต้ชื่อสายการบินของพระเจ้าว่างั้นเถอะ (มิได้โฆษณาให้สายการบินแต่อย่างได ไม่ว่าจะบินด้วยสายการบินอะไร การดีเลย์ การยกเลิก และการบริการไม่แตกต่างกัน)


สายการบินที่มีลำใหญ่กว่าสายการบินอื่น ๆ นิดหน่อย คือ Summit air เมื่อก่อนมีชื่อว่า Goma air (บางทีอ่านผ่าน ๆ เร็ว ๆ เห็นเป็น Coma air ซึ่งดูจะไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่) ในช่วงอากาศไม่ดี เช่น ลมแรง ลำเล็ก ๆ ของสายการบินอื่น อาจบินไม่ได้ แต่ซัมมิทแอร์สามารถบินได้ ข้อจำกัดของสายการบินนี้คือ มีเครื่องบินอยู่แค่ 4 ลำ บินทั้งเมืองลูกลา เมืองจอมสอม เมืองภาบลู ถึงแม้จะลำใหญ่แต่ก็ดีเลย์ ไม่ต่างกันกับสายการบิน อื่น ๆ จนบางครั้งลำอื่นๆ ออกไปหมดแล้ว เรายังไม่เห็นวี่แววของ ซัมมิทแอร์เลยก็มี แต่ก็ยังโล่งใจที่มีบินหลายเที่ยวบินใน 1 วัน ลำใหญ่นั่งไม่อึดอัด ยังพอให้อภัยได้ และอีกสายการบินที่ไม่แนะนำให้บิน คือ Simlik air เนื่องจากในแต่ละเส้นทางมีเครื่องบิน ลำเดียวเที่ยวเดียว เมื่อไหร่ที่เกิดปัญหาไม่ว่าเรื่องอากาศ เครื่องยนต์ สายการบินนี้จะยกเลิกทันที และในวันถัดไปก็จะหาที่ว่างได้ยากเย็นมากเช่นกัน



น้ำหนักสัมภาระสำหรับเที่ยวบินลูกลา จะโหลดได้ไม่เกิน 10 กิโลกรัม และถือขึ้นไม่เกิน 5 กิโลกรัม ถ้าน้ำหนักเกินสายการบินจะปรับ ประมาณ กิโลกรัม ละ 1 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐ หลังจากได้รับการเช็คอินเรียบร้อย รับบอร์ดดิ้งพาส และเข้าไปรอในเลาจ์ของสนามบิน ซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ สถานีขนส่งบ้านเรา ข้างในมีร้านค้าขาย น้ำชา กาแฟ และขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ หลังจากที่นั่งรอเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ คนเริ่มเยอะขึ้น ที่นั่งเริ่มไม่พอเพียง


หลังจากเวลา 6.00 นาฬิกา ก็ยังไม่มีวี่แวว เรียกให้ขึ้นเครื่องบิน เรามองออกไปตรงประตูทางออกด้านนอก หมอกยังคงหนาอยู่เหนือรันเวย์สนามบินเมืองกาฐมาณฑุ ดูเหมือนว่าความล่าช้าจะถือเป็นเรื่องปกติ สำหรับเที่ยวบินภายในของประเทศเนปาล ความพร้อมของสภาพอากาศในการบิน ไม่ใช่พร้อมแค่เมืองกาฐมาณฑุ ในบางครั้งสนามบินเมืองกาฐมาณฑุฟ้าเปิด แต่เมืองลูกลาหรือเมืองอื่น ๆ ที่เป็นจุดหมายปลายทางอากาศไม่ดี เครื่องบินก็ไม่สามารถบินได้ ซึ่งในบางครั้งเครื่องบิน บินไปถึงเมืองลูกลาแล้ว ไม่สามารถลงจอดได้ ต้องบินกลับมาเมืองกาฐมาณฑุ นอกจากสภาพอากาศแล้ว ยังมีปัญหาในเรื่องของสภาพการจราจรของสนามบิน เนื่องจากต้องใช้รันเวย์เดียวกัน ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและเที่ยวบินระหว่างประเทศ การบินจึงต้องรอเวลารันเวย์ให้ว่างด้วยเช่นกัน


Sita Air หรือ สีดา แอร์

เราได้บิน เวลา 8.00 นาฬิกา ซึ่งถือเป็นเวลาที่ไม่เลว หลังจากที่ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 สายการบิน ประกาศเรียก ผู้โดยสารเดินออกจากเลาจ์ เราขึ้นรถบัสขนาดเล็ก เดินทางไปยังที่ขึ้นเครื่องบิน ลักษณะของเครื่องบิน เป็นเครื่องบินขนาดเล็ก บรรจุผู้โดยสารได้ประมาณ 20 ที่นั่ง รวมนักบิน 2 คน แอร์โฮสเตรต 1 คน


เพื่อนที่เดินทางไปด้วยกัน ถามขึ้นมาว่า “นั่นคือเครื่องบินที่เราจะบินไปใช่มั้ย?”

ฉันตอบว่า “ใช่”

เพื่อนตอบกลับมาว่า “กูเกลียดมึง” โดนไปก่อนดอกแรก ดูจะทำให้นางช็อคก่อนการเดินทาง

หลังจากที่เราขึ้นเครื่องบินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เครื่องบินค่อย ๆ วิ่งสู่จุดเทกตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ จากจุดเทกตัวเราต้องรออีกประมาณ 10 นาที และเครื่องบินได้วิ่งย้อนกลับมายังจุดที่จอดที่เดิม “โอ้บุดดา นี่ฉันมาทำอะไรที่นี่?” พร้อมกับเสียงสบถ ของฝรั่ง ข้าง ๆ “what is the fu***!!!” กัปตันได้แจ้งกับเราว่า เนื่องจากสนามบินลูกลา ประกาศปิดชั่วคราว เพราะสภาพอากาศยังไม่เปิดพอที่เครื่องบินจะบินลงได้ รถบัสส่งตัวเราเข้าสู่เลาจ์ของสนามบินอีกครั้ง หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 3 ชั่วโมง สายการบินประกาศเรียกขึ้นเครื่องบินอีกครั้ง เป็นเหมือนเสียงสวรรค์ ที่เรานั่งรอกันอย่างใจจดใจจ่อ


สภาพที่นั่งภายในเครื่องบิน

เรารีบจับจองที่นั่งทางซ้ายมือ เพื่อชมวิวหิมาลัยอันงดงาม แต่ด้วยฟ้าที่ปกคลุมไปด้วยหมอก และหน้าต่างอันสกปรกก็ไม่มีอะไรน่าดูอีกแล้ว เราได้ที่นั่งตรงส่วนหางของเครื่องบิน ทุกครั้งที่เครื่องส่ายตามแรงลม หรือเครื่องบินยกระดับสูงขึ้น หรือลดระดับลง เราจะรู้สึกตัวไปด้วย ตลอดระยะเวลา 45 นาที ที่นั่งอยู่บนเครื่องบิน ทำให้ใจหายวูบวาบตลอดการเดินทาง (ถ้าเป็นไปได้ ให้รีบขึ้นเครื่องและนั่งตรงส่วนหัวของเครื่องบินจะดีที่สุด)


เท่านั้นไม่พอ เวลาแห่งการตื่นเต้นมากที่สุดก็มาถึง เรามีความรู้สึกว่าเครื่องบินกำลังจะบินตรงไปยังภูเขาลูกข้างหน้า แต่สุดท้ายนักบินก็เลี้ยวขวา ลงสู่สนามบินเล็ก ๆ เรามองเห็นกำแพงกั้นสนามบินอยู่ไม่ไกลในการร่อนลงของนักบิน การลงจอดนั้นรวดเร็วและค่อนข้างกระแทกกระทั้น เป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นหวาดเสียวที่เครื่องบินหยุดก่อนที่จะไปชนกำแพงของสนามบิน กลั้นหายใจไว้เพื่อน พุทธโธ ธรรมโม สังโฆ ฝรั่งข้างหน้า จะกรี๊ดหาแมวอะไรคะ ทำให้เราตกใจไปด้วย เราลงจอดอย่างปลอดภัย พร้อมกับการถอนหายใจที่โล่งอก หันไปมองเพื่อนข้างๆ นั่งกุมหน้าอก พร้อมกับพูดว่า “กูเกลียดมึงมากกกก” นางคงช็อคเป็นรอบที่สอง!!!



สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับเที่ยวบินลูกลา
  1. ควรซื้อตั๋วเดินทางล่วงหน้าก่อนการเดินทาง 1-2 เดือน เนื่องจากเป็นเที่ยวบินที่เต็มเร็วมาก และเพื่อให้ได้เที่ยวบินเช้าที่สุด เป็นการเสี่ยงต่อการยกเลิก หรือดีเลย์ น้อยที่สุด

  2. เลือกนั่งทางซ้ายมือของนักบิน เพื่อวิวที่ดีที่สุด (ถ้าอากาศดีท้องฟ้าแจ่มใส)

  3. เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการดีเลย์ หรือยกเลิกของเที่ยวบิน

  4. การซื้อตั๋วทำได้โดยการซื้อด้วยตัวเองผ่านสายการบิน เช่น Tara air, Simrik air, Summit air หรือ Sita air หรือซื้อผ่านบริษัททัวร์ ต่าง ๆ













ดู 1,296 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Commentaires


bottom of page