top of page
รูปภาพนักเขียนThai Nepal Travels & Trek

เนปาล กับ วัคซีน โควิด-19

เนื่องจากเนปาล เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างจีนและอินเดีย แหล่งวัคซีนที่ใกล้ที่สุดสำหรับเนปาล คงหนีไม่พ้นพี่ใหญ่ทั้งสองประเทศนี้
Reuters

การที่ประชากรได้รับวัคซีน โควิด-19 เร็วมากขึ้นเท่าไหร่ การกลับมาของเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของประเทศได้เร็วขึ้นเช่นกัน หลังจากที่หลาย ๆ ประเทศ ได้มีการฉีดวัคซีน โควิด-19 กันไปแล้ว รัฐบาลเนปาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะพยายามหาวัคซีน ให้กับประชาชนชาวเนปาลเช่นกัน หลังจากที่พยายามร้องขอไปยังประเทศต่าง ๆ หลายประเทศ โดยตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2019 รัฐบาลเนปาลได้ส่งจดหมายทางการทูตไปยังอินเดีย จีน รัสเซีย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา


ในระยะแรกรัฐบาลเนปาล กำลังเตรียมฉีดวัคซีนฟรี ให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และผู้สูงอายุ โดยคาดการณ์ว่าการฉีดวัคซีน 52 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 48 พันล้านรูปี แต่ประชากรที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี ซึ่งมีอยู่ 28 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรทั้งหมด จะไม่ได้รับการฉีดวัคซีน เนื่องจากวัคซีนที่ได้รับการทดลองยังไม่ได้รับการทดสอบกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่านี้ จึงมีเพียง 72 เปอร์เซ็นต์ ของชาวเนปาลเท่านั้นที่ต้องได้รับการฉีดวัคซีน เนปาลเป็นประเทศที่อยู่ในโครงการ โคแว็ก (COVAX) ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นโครงการ การจัดหาวัคซีนให้เท่าเทียมกัน ซึ่งทางโครงการจะจัดหาวัคซีนให้ กับประเทศเนปาลฟรี 20 เปอร์เซ็นต์ของประชากร


Covishield - Vaccine. English.onlinekhaba

หลังจากที่ตามหาวัคซีนกันมานานหลายเดือน ในที่สุด ประเทศเนปาล ก็ได้อนุมัติให้ใช้ “โควิชีลด์” (Covishield) ของประเทศอินเดีย โดยเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2021 หน่วยงานควบคุมยาของเนปาล ได้อนุญาตให้ใช้ โควิชีลด์ ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency use Authorization) สำหรับวัคซีนโควิด -19 ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และ บริษัทยาแอสตร้าเซนเนก้า ยักษ์ใหญ่ด้านเภสัชกรรมและมีการผลิตในประเทศอินเดีย


Emergency use Authorization หรือการใช้ในกรณีฉุกเฉินคืออะไร?


Emergency use Authorization หรือตัวย่อว่า EUA คือ ในกรณีฉุกเฉิน เช่นในช่วงที่มีการระบาดของโรคระบาด องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา สามารถตัดสินใจให้ใช้ ยาหรือวัคซีนได้ แม้ว่ายาหรือวัคซีนตัวนั้นจะไม่มีหลักฐานการทดลองทั้งหมด ที่จะสร้างความสมบูรณ์และความปลอดภัยได้อย่างเต็มที่ แต่หากมีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้ป่วยได้รับประโยชน์จากการรักษา หรือการทดสอบ หน่วยงานสามารถออก EUA เพื่อให้ใช้ได้


ประเนปาลเรียกร้องขอวัคซีนที่อยู่ใน EUA ขององค์การอนามัยโลก


เมื่อวันที่ 13 มกราม 2021 ที่ผ่านมา กระทรวงการควบคุมยาของเนปาล ได้ออกประกาศเรียกร้องให้ผู้ผลิตวัคซีน ที่อยู่ในรายชื่อขององค์การอนามัยโลก หรือตัวแทนที่ได้รับอนุญาตยื่นขออนุญาตใช้ในกรณีฉุกเฉิน ผู้ผลิตวัคซีนอย่างน้อยสามราย ซึ่งเป็นของประเทศอินเดีย 2 ราย และ จีน 1 ราย ได้ตอบสนองต่อการเรียกร้อง และยื่นขออนุมัติการใช้ในกรณีฉุกเฉินในเนปาล ซึ่ง "โควิชีลด์" ของบริษัท Serum Institute ตั้งอยู่ในเมือง ปูเน่ ประเทศอินเดีย ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2021 ส่วน วัคซีน “โคแว็กซิน” ของ บริษัท บารัต ไบโอเทค (Bharat Biotech) ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง ไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย และ "ซิโนฟาร์ม" (Sinopharm) ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กำลังได้รับการตรวจสอบ


เปรียบเทียบ โควิชีลด์ และ โคแว็กซิน ของประเทศอินเดีย

Covaxin and Covishiled. cr photo indiatv.com

ประเทศอินเดียถือเป็นแหล่งผลิตวัคซีน โควิด-19 ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในตอนนี้ก็ว่าได้ รัฐบาลอินเดียได้ลงนามในสนธิสัญญาการซื้อวัคซีน โควิชีลด์ ของบริษัท SII เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2021 ในปริมาณ 11 ล้านโดส และ วัคซีน โคแว็กซิน 55 แสนโดส จากบริษัท บารัต ไบโอเทค เพื่อฉีดให้กับชาวอินเดีย โดยเริ่มฉีดในวันที่ 16 มกราคม 2021 นี้ โคแว็กซิน จะใช้ในเมืองเดลี ในสถานที่ราชการส่วนกลาง 6 แห่ง และโควิชีลด์ ใช้ในสถานที่ 75 แห่ง รวมถึงสถานที่ราชการของรัฐและโรงพยาบาลเอกชน การฉีดวัคซีน โควิด-19 ในอินเดีย ไม่ได้บังคับสำหรับทุกคน และผู้คนสามารถเลือกที่จะไม่รับวัคซีนได้

ทั้ง โควิชีลด์ และโคแว็กซิน ยังเป็นวัคซีนที่ใช้ในกรณีฉุกเฉินอยู่ ยังต้องมีการแสดงผลการทดลองต่อไป

โควิชีลด์ (Covishield)

Covishield Vaccine cr photo oneindia.com

วัคซีนนี้ได้รับการพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด และ บริษัทยาแอสตร้าเซนเนก้า ของอังกฤษ - สวีเดน อาดาร์ ปูณนาวัลลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Serum Institute of India (SII) ซึ่งเป็นหุ้นส่วนการผลิตยายักษ์ใหญ่ของอังกฤษ - สวีเดน แอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่าวัคซีนจะได้ผล 90 ถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้รับการฉีดห่างกัน ประมาณ 2-3 เดือน นอกจากนี้ยังเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูง ในการป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ วัคซีนนี้ได้รับการขนานนามว่าจะเป็นวัคซีนที่มีแนวโน้ม มีประสิทธิภาพมากที่สุดในอินเดีย


Covishield, one of the two vaccines made in India, is Nepal’s choice against Covid-19. Reuters

โควิชีลด์ แตกต่างจากวัคซีน ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา ซึ่งใช้วิธีการใหม่ที่เรียกว่า mRNA ทำให้มีความซับซ้อนเปราะบาง และต้องการอุณหภูมิต่ำมากในการจัดเก็บ แต่โควิชีลด์ เป็นวัคซีนที่มีเวกเตอร์ช้ากว่า แต่ราคาถูกกว่าและที่สำคัญสามารถเก็บรักษาให้คงที่ได้หกเดือน ที่อุณหภูมิตู้เย็นมาตรฐาน 2-8 องศาเซลเซียส



โคแว็กซิน (Covaxin)

Covaxin Vaccine. cr phot Time of India

โคแว็กซิน ได้รับการพัฒนาโดยบริษัท บารัต ไบโอเทค บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของอินเดีย และหน่วยงานวิจัยทางคลินิก Indian Council of Medical Research (ICMR) เป็นการฉีด ไวรัสที่ถูกปิดการใช้งานทั้งหมดเข้าไปในร่างกาย เพื่อกระตุ้นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นวิธีการที่เก่าแก่ที่สุดวิธีหนึ่งในการฉีดวัคซีน รายงานระบุว่าโคโรนาไวรัสทั้งกลุ่มเหล่านี้ต้องปลูกและ "ฆ่า" โดยใช้สารเคมีหรือความร้อนจากนั้นนำไปทำเป็นวัคซีนทำให้ใช้เวลานานขึ้น


"รัฐบาลและแพทย์ในอินเดียมีแนวโน้มยอมรับการใช้วัคซีน โควิชีลด์ มากกว่า โคแว็กซีน"


โดยสถานที่ฉีดวัคซีน โคแว็กซีน ที่โรงพยาบาล ในเมืองมุมไบ 6 แห่ง จะให้โคแว็กซิน แบบฟอร์ม แสดงความยินยอมระบุว่า ในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงเนื่องจากวัคซีน ผู้รับวัคซีนจะได้รับการดูแลในโรงพยาบาลที่รัฐบาลกำหนด ผู้ได้รับการฉีดวัคซีน โคแว็กซิน จะได้รับเงินชดเชยหากพวกเขาประสบกับเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ อันเนื่องมาจากวัคซีน ตามรายงานผู้รับวัคซีนจะได้รับเอกสารข้อเท็จจริงและแบบฟอร์มรายงานผลข้างเคียง ซึ่งจะต้องจดบันทึกอาการที่ได้รับภายในเจ็ดวันแรก แบบฟอร์มยินยอมระบุว่าวัคซีนได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถ ในการผลิตแอนติบอดีต่อโคโรนาไวรัสในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 1 และระยะที่ 2 อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพทางคลินิกของ โคแว็กซิน ยังไม่เป็นที่ยอมรับ และอยู่ระหว่างการศึกษาในการทดลองทางคลินิกระยะที่ 3


ในวันที่ 16 มกราคม 2021 ประเทศอินเดียได้ฉีดวัคซีนโดสแรก ให้กับประชากรทั้งหมด 165,714 คน จนถึงเวลา 17.30 น. กลับมาที่ทางฝั่งประเทศเนปาล หลังจากที่ ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง บังกลาเทศได้ให้การรับรองวัคซีน โควิชีลด์ ไป เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2021 และสั่งซื้อวัคซีนล่วงหน้าไปแล้ว 30 ล้านโดส รัฐบาลเนปาลจึงได้อนุมัติวัคซีนตัวนี้ตามมาติด ๆ แต่ยังไม่มีรายงานจำนวนการสั่งซื้อใด ๆ ในตอนนี้


การตัดสินใจอนุมัติวัคซีน โควิชีลด์ ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ ปราดีป กวาลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเนปาล เดินทางเยือนอินเดียเป็นเวลาสามวัน เจ้าหน้าที่เนปาลมีความหวังว่าจะมีการลงนามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาล สำหรับการจัดหาวัคซีนในระหว่างการเยือน นอกจากนี้การประกาศของกระทรวงการควบคุมยาเนปาล ยังมีขึ้นก่อนวันที่อินเดียจะเปิดตัววัคซีนตามแผนซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นการขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในโลก


สรุปในตอนท้ายนี้ รัฐบาลได้ประกาศรับรองการใช้ โควิฟีลด์ ในเนปาล คือมีการนำเข้ามาใช้ได้โดยไม่จำกัดโดยรัฐบาล แต่ยังไม่มีการลงนามการซื้อขายกับรัฐบาลอินเดียแต่อย่างใด และยังไม่แน่ใจด้วยเช่นกันว่า รัฐบาลอินเดียจะสามารถให้วัคซีนแก่เนปาลได้จำนวนเท่าไหร่ ประชาชนชาวเนปาลยังต้องรออีกต่อไป


เนปาลกำลังมองหาวัคซีนโควิด -19 อย่างน้อย 12 ล้านโดส เพื่อฉีดวัคซีน 20 เปอร์เซ็นต์ (หรือ 6 ล้าน) ของประชากร สำหรับผู้ปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข การดูแลสุขภาพ ผู้ทำงานที่อยู่แนวหน้าอื่น ๆ และอาสาสมัครผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปีให้ความสำคัญเป็นอันดับสองและผู้ที่อยู่ในกลุ่มอายุ 40-54 ปี ลงมาตามลำดับ ตามมาตราสุขภาพเด็กที่กองสวัสดิการครอบครัวภายใต้กรมบริการสุขภาพ


ณ วันที่ 16 มกราคม 2021 โควิด -19 ของเนปาล มีผู้เสียชีวิตใหม่อีก 6 ราย

มีผู้เสียชีวิตรวม 1,954 ราย มีจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 240 ราย

รวมจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด 267,056 ราย

 

References





5. https://english.onlinekhabar.com/nepal-approves-indias-covishield-covid-19-vaccines-for-emergency-use.html


ดู 76 ครั้ง0 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page